“ไต้ฮงภิกขุ” หลวงปู่ธุดงค์ จากเมืองฮกเกี้ยนมาถึงหลังเขาปั้กซัว !
- สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
- Apr 7, 2020
- 1 min read
🔴ไต้ฮงกง :
.
อริยสงฆ์หลวงปู่ไต้ฮงกง เดิมแซ่ลิ้ม ชื่อหลิงเอ้อ มีฉายาว่า ทงโซ่ว ท่านเป็นคนเมืองเวินโจว มณฑลเจ๋อเจียง เกิดวันที่ 29 เดือนตุลาคมตามจันทรคติจีน ในปีพ.ศ.1582 หรือตรงกับ ค.ศ.1039 มรณภาพเมื่อวันที่ 11 เดือนเมษายนตามจันทรคติจีน ในปีพ.ศ.1670 หรือ ค.ศ.1127 หลวงปู่สอบไล่ ได้ระดับจิ้นเสือในปีพ.ศ.1636 เมื่ออายุได้ห้าสิบสี่ปี ได้รับแต่งตั้งเป็นนายอำเภอเมืองเซียวเฮง มณฑลเจ๋อเจียง แต่ต่อมาท่านได้ลาออกจากราชการถือบวชในบวรพระพุทธศาสนา ฉายานามว่า “ไต้ฮงภิกขุ” หลวงปู่ธุดงค์ จากเมืองฮกเกี้ยนมาถึงเมืองเตี้ยเอี๊ย ตำบลหลิงซี หลังเขาปั้กซัว ที่นั่นหลวงปู่ได้พบและซ่อมแซมวัดเก่าแก่ชื่อวัด “เล่งจั่วยี่” และจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ หลังจากที่หลวงปู่ธุดงค์กลับมาได้มีพุทธบริษัท ที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่อย่างมากมายช่วยเหลือบูรณะวัด “เล่งจั่วยี่” จนกลายเป็นวัดวาอารามที่ใหญ่โต และเขียวชอุ่มไปด้วยแมกไม้

ตอนนั้นละแวกเมืองแต้จิ๋วประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง เรือกสวนไร่นาเก็บเกี่ยวไม่ได้ผล ซ้ำร้ายยังเกิดโรคระบาดอย่างหนักด้วย จึงเป็นเหตุให้มีผู้คนอดอยากหิวตายเป็นศพเกลื่อนกลาดอยู่ข้างทาง บ้านแตกสาแหรกขาด หลวงปู่เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา จึงได้จัดสร้างศาลาพลับพลาไว้ให้ชาวบ้านใช้สำหรับอธิษฐานเจริญภาวนาขจัดปัดเป่าภัยพิบัติและโรคระบาด หลวงปู่ก็ใช้สถานที่นี้เป็นที่แจกยาและตรวจรักษาโรคให้ชาวบ้านด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหลวงปู่ยังได้นำลูกศิษย์ ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านเก็บศพไร้ญาติที่ถูกทิ้งให้ตายอยู่ริมถนนเก็บศพที่ลอยตามมากับสายน้ำ ตามแม่น้ำลำคลอง โดยช่วยเหลือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนตาย ขอเรี่ยไรเงินบริจาคจากชาวบ้าน จัดซื้อโลงใส่ศพก่อนฝังดินไม่ให้เกิดความเน่าส่งกลิ่นเหม็น หลวงปู่ลงมือทำงานด้วยตัวเองร่วมกับลูกศิษย์ นำศพ บรรจุใส่โลงไม้แล้วขุดหลุมฝังศพอย่างเรียบร้อย ช่วยเหลือคนเป็นสงเคราะห์คนตายเสมือนเป็นหน้าที่ของหลวงปู่เอง

🔵ภายหลังจากที่ภัยพิบัติได้ผ่านพ้นไปแล้ว ชาวบ้านเริ่มเงยหน้าอ้าปาก กลับมาทำไร่ทำนาอย่างมั่นใจ แต่เนื่องจากถนนหนทางการคมนาคม แต่เดิมก็ติดขัดคับแคบ ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะขาดการซ่อมแซมนานปี สัญจรไปมาเต็มไปด้วยความยากลำบากนับเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต ของชาวบ้าน หลวงปู่ตัดสินใจใช้ความรู้และประสบการณ์ทางวิศวกรรมโยธาที่พอได้ร่ำเรียนมา นำพาชาวบ้านลงมือก่อสร้างถนนหนทางทันที นับจากนั้นเป็นต้นมาการเดินทางค้าขาย ขึ้นล่อง ก็คล่องตัวเรื่อยมา
.
ระหว่างตำบลหลิงซีหลังเขาปั้กซัวกับหมู่บ้านฮั่วเพ้ง มีแม่น้ำเลี่ยงเจียงที่กว้างและลึกไหลผ่านขวางกั้นอยู่ สายน้ำในแม่น้ำเลี่ยงเจียงไหลแรงไหลเชี่ยว บางครั้งผู้คนที่เดินเรือข้ามฝั่งเจอลมพายุพัดแรงเกิดคลื่นใหญ่เรือล่มเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ดลใจให้หลวงปู่เกิดปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างสะพานหินข้ามแม่น้ำให้ชาวบ้านสองฝั่งได้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ผู้ที่รับฟังจากปากหลวงปู่แล้วต่างพากันหัวเราะว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่หลวงปู่กลับไม่ถือว่าเป็นความดื้อด้าน หลวงปู่ทดลองข้ามแม่น้ำ เพื่อที่จะวัดความลึกตื้นกว้างแคบของสายน้ำด้วยตนเอง คิดคำนวณคนงาน อิฐหินและไม้ที่ต้องใช้ แต่ผู้คนทั่วไปไม่คิดว่าหลวงปู่จะทำสำเร็จ ต่อมาปีพ.ศ.1664 หรือ ค.ศ.1121 หลวงปู่เดินทางไป เมืองฮกเกี้ยนพร้อมด้วยเงินที่เรี่ยไรได้จากประชาชนทั่วไป ผู้คนต่างพากันประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นห้าปีต่อมาหลวงปู่เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านฮั่วเพ้งอีกครั้งหนึ่งคราวนี้หลวงปู่นำเอาวัสดุเป็นหินแกรนิตขนาดใหญ่สำหรับสร้างสะพานบรรทุกมาเต็มลำเรือสำเภา พร้อมด้วยช่างแรงงานเสบียงกรังอาหารข้าวหรือหมี่ที่เป็นก้อน วัสดุหินและไม้มีพร้อมเสร็จสรรพ ครบปีการสร้างสะพานใกล้เสร็จ นับได้จำนวนสิบเก้าช่วง ขาดแต่ช่วงฝั่งเหนือและใต้สองช่วงของสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ หลวงปู่ก็ถึงแก่มรณภาพละสังขารด้วยความสงบ

⚫️ต่อมาได้ชาวเมืองอี้นามซ่ายก้งหยวนช่วยสร้างสะพานต่อจนเสร็จสมบูรณ์ นี้เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกมีชื่อเรียกว่า “สะพานฮั่วเพ้ง” มีเรื่องเล่าระหว่างที่หลวงปู่เร่งงานก่อสร้างสะพานอยู่นั้น เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นคือน้ำทะเลไม่หนุนน้ำ มาท่วมบริเวณที่ก่อสร้างนี้เจ็ดวัน ทำให้การก่อสร้างสะพานตอนสำคัญง่ายขึ้นและสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ผู้คนในหมู่บ้านฮั่วเพ้งจึงได้ช่วยกันสร้างศิลาจารึกและศาลาอนุสรณ์ของหลวงปู่ขึ้น เพื่อให้ผู้คนกราบไหว้ พร้อมตั้งชื่อศาลาอนุสรณ์นี้ว่า “ป่อเต็กตึ๊ง” (ศาลาสนองพระคุณ) ขนานนามรูปจำลององค์หลวงปู่ว่า “หลวงปู่ไต้ฮงโจวซือ”
.
แต่อย่างไรก็ตาม มาตรแม้นชาวบ้านจะกราบไหว้สักการะบูชาหลวงปู่เพื่อสนองพระคุณเพียงอย่างเดียว ยังละเลยการปฏิบัติธรรมเผยแพร่ธรรม จนกระทั่งปลายสมัยเหม็งต้นสมัยเซ็ง เกิดภัยพิบัติมาเยี่ยมเยือน ชาวบ้านพากันเจ็บป่วยมากมาย วิญญาณหลวงปู่เข้าฝันชาวบ้าน บอกว่าให้ดำเนิน การจัดเก็บโครงกระดูกผีไม่มีญาติและล้างป่าช้าที่รกร้างว่างเปล่า เก็บฝังซากศพที่พบตามถนน เซ่นไหว้วิญญาณด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ปฏิบัติกิจกรรมสาธารณะกุศลต่างๆ เช่น แจกจ่ายยา รับรักษาผู้ป่วย เหล่านี้เป็นต้น ชาวบ้านต่างพากันเชื่อถือและปฏิบัติตาม ภัยร้ายถูกขจัดออกไป กลับกลายบังเกิดความเป็นศิริมงคล ความร่มเย็นเป็นสุข ชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้ทวีจำนวนมากขึ้นต่างบำเพ็ญตนเป็นคนดีช่วยกันทำบุญทำทานให้ผู้ยากเข็ญ เจริญรอยตามคำสอน และกุศลกิจของหลวงปู่ เผยแพร่คุณธรรมของหลวงปู่ ให้กว้างไกลออกไป
🔴นับตั้งแต่นั้นมาการก่อสร้างศาลาหรือมูลนิธิองค์กรการกุศลประชาสงเคราะห์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพหลวงปู่ ก็เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายมากมาย ประมาณว่ามีถึงห้าร้อยกว่าแห่ง ประกอบกิจการหน้าที่ช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ช่วยเหลือคนยากคนจน จัดหาโลงศพฌาปนกิจสงเคราะห์ บริจาคยารักษาโรคผู้ป่วย ดำเนินการล้างป่าช้า ก่อสร้างสะพาน ก่อสร้างถนนและศาลาพักร้อนริมทาง นอกจากนั้นองค์กรการกุศลเหล่านี้ ยังได้จัดเตรียมหน่วยบรรเทาสาธารณะภัยขึ้นจัดให้มีรถดับเพลิงไว้ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย
.
🔵วันที่สอง เดือนแปด ปีพ.ศ.2464 เมืองแต้จิ๋วและเมืองซัวเถา ประสบวาตภัยอุทกภัยครั้งร้ายแรง บ้านเรือนราษฎร เรือกสวนไร่นา และสัตว์เลี้ยงถูกน้ำท่วมเสียหายล้มตายเป็นจำนวนมาก ภายหลังจาก ที่ได้รับการช่วยเหลือสงเคราะห์จากองค์กรการกุศล เรี่ยไรบริจาคเงินฟื้นฟูซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง ที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง ฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข ซึ่งได้รับการกล่าวยกย่องสดุดี จากชาวบ้านและชาวจีนโพ้นทะเลอย่างมาก

⚫️ในปีพ.ศ.2439 หรือ ค.ศ.1896 ผู้นำชาวจีนโพ้นทะเล ชื่อนายหยุง แซ่เบ๊ มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ หมู่บ้านฮั่วเพ้ง ได้อัญเชิญรูปจำลององค์หลวงปู่จากเมืองจีนมาประดิษฐานที่เมืองไทยเป็นคนแรก ผู้คนเลื่อมใสกราบไหว้สักการะมากมาย การย้ายสถานที่ตั้งองค์หลวงปู่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งปีพ.ศ.2453 หรือ ค.ศ.1910 ชาวจีนชื่อ แต้ตี้ย่ง (ยี่กอฮง) ดำริก่อสร้างศาลาอนุสรณ์ (ป่อเต็กตึ๊ง) ขึ้น ปีพ.ศ.2480 หรือ ค.ศ.1937 ได้มีบรรดาพ่อค้าชาวจีนชื่อ เหียกวงเอี่ยม เบ๊กุ้ยคิม เบ๊ไก้หงอ เป็นต้น ร่วมดำเนินการจดทะเบียน เรียกชื่อว่า “ฮั่วเคี้ยวปอเต็กเซี่ยงตึ๊ง” ด้วยเลื่อมใสในกุศลกิจการแผ่เมตตาธรรมของหลวงปู่ ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นองค์กรมูลนิธิการกุศลของชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ช่วยเหลือ สงเคราะห์ประชาชน ได้รับการกล่าวยกย่องสดุดีจากชาวจีนในประเทศและต่างประเทศว่าเป็นองค์กรการกุศลที่มีกิจการผลงานยอดเยี่ยมที่สุด
Comentários