top of page

⭕️ ส่ อ ง...! พระเบญจภาคีสององค์ อยู่ในองค์เดียวกัน

  • Writer: สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
    สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
  • Apr 22, 2020
  • 1 min read

สุดยอดพระเบญจภาคี ๒ องค์ พระสมเด็จวัดระฆังและพระนางพญาในองค์เดียว




ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ และ ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ปรากฏพระพิมพ์หนึ่งของหลวงปู่นาคคือพิมพ์พระสมเด็จนางพญาพิมพ์หูบายศรี ปี ๒๔๘๕ และสมเด็จนางพญาพิมพ์ฐานหมอน ปี ๒๔๙๕

.

ปรากฏการณ์พระสมเด็จพญา เกิดขึ้นจากหลวงปู่นาคท่านเล็งเห็นถึงคุณค่าพุทธคุณของพระเบญจภาคีทั้งสององค์คือพระสมเด็จวัดระฆัง พุทธคุณเน้นไปทางเมตตามหานิยม ภัยพิบัติโชคลาภ ส่วนพระนางพญา พุทธคุณเน้นไปทางแคล้วคลาด คงกระพันมหาอุด จึงได้จัดสร้างพระพิมพ์สมเด็จนางพญาขึ้นเพื่อ พุทธคุณครอบคลุมทุกด้สนมารวมอยู่ในองค์เดียวกัน


🔴หลวงปู่นาค โสภโณ วัดระฆังโฆสิตาราม :


ในปี ๒๔๔๘ หลวงปู่นาค โสภโณ เข้าอุปสมบทที่วัดระฆังโฆสิตาราม มี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณราชวราราม เป็นพระอุปัชฌาย์, สมเด็จพระวันรัต (ฑิต) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระธรรมโกศาจารย์ (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์(สังฆราชแพ วัดสุทัศน์)










🔵สำหรับการเรียนเวทย์มนต์และวิปัสสนากรรมฐานนั้น ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษากับ ๔ สมเด็จ ดังนี้












๑ . สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ฤทธิ์) วัดแจ้ง (ปัจจุบันเรียกว่า “วัดอรุณราชวรวิหาร”) ผู้เป็น อุปัชฌาย์ของหลวงปู่นาคนั่นเอง ท่านมีอาคมแก่กล้าในด้านทำเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะตะกรุดหน้าผากเสือ สำนักนี้ไม่เป็นสองรองใคร ครั้นพอท่านเรียนวิชานี้สำเร็จ การจะหาหนังเสือมาทำนั้นต้องไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตซึ่งมันบาปนัก ท่านจึงนำมาดัดแปลงลงในโลหะต่างๆ เช่น ทองคำ เงิน นาค ทองแดง อลูมิเนียมและตะกั่ว ลักษณะการลงและบริกรรมคาถากำกับในตัวตระกรุด ท่านก็จะทำไว้ให้มีฤทธิ์อยู่หลายแบบ เช่นดอกนั้นเด่นด้านคงกระพัน ดอกนี้เด่นด้านค้าขาย เมตามหานิยม ดอกนู้นเน้นด้านมหาอุต ซึ่งในสมัยนั้นใครที่เข้าไปขอ ท่านก็จะเมตตาหยิบให้พร้อมอธิบายวิธีการใช้ให้



๒ . สมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ราชวรวิหาร สมัยนั้น ดำรงค์สมณศักดิ์เป็นพระธรรมโกษาจารย์ ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์(พระคู่สวด)ในสมัยที่หลวงปู่นาคบวชเป็นพระภิษุนั่น เอง หลวงปู่นาคได้รับการถ่ายทอดและศึกษาวิชาการลงยันต์ ๑๐๘ ชนิดครบสูตรในการลงยันต์เททองพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นตำหรับวิชาสุดยอดของการสร้างพระกริ่งในสายวัดสุทัศน์นี้


(สำหรับ วัดสุทัศน์ หากตามประวัติจะทราบว่า หลวงปู่นาคท่านจะสนิทกับพระครูมูล ซึ่งโยงถึงกันได้ว่าเป็นศิษย์ร่วมรุ่นเดียวกันนั่นเอง เกจิ ๒ ท่านนี้ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งครับ จึงไม่แปลกที่พระสมเด็จของพระครูมูลถึงได้มีมวลสารพระสมเด็จเก่าของวัดระฆัง ไปผสมกันเป็นจำนวนมาก และบางครั้งก็พบว่าพิมพ์สมเด็จมีหน้าตาและพิมพ์พระเกศบัวตูมของพระครูมูลมี มาปรากฎในแบบแม่พิมพ์ที่หลวงปู่นาคท่านกดพระด้วยครับ จะมีไปขยายความกันในตอนที่๓:พระใน-นอก พิมพ์


๓ . สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกุล ณ อยุธยา) ในสมัยที่ท่านดำรงสมณศักดิ์เป็น พระธรรมไตรโลกาจารย์ และเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆัง สืบต่อจากสมเด็จพระพุทธบาทปิลันท์ (ม.ร.ว.ทัศน์ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา)

เป็น ที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) ท่านเป็นศิษย์องค์สุดท้ายของสมเด็จพุทธจารย์โต ในสมัยบั้นปลายชีวิตสมเด็จโต สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) ท่านได้เรียนสำเร็จวิชาการทำผงวิเศษจากสมเด็จโตและเป็นกำลังสำคัญในการลบและ จัดทำผงวิเศษทั้ง๕ชนิด เพื่อถวายให้สมเด็จโตสร้างพระวัดระฆังฯรุ่นแรก มาถึงยุคที่ท่านเป็นพระอาจารย์ให้หลวงปู่นาค ท่านก็สอนการทำผงนี้ให้จนสำเร็จครบหลักสูตรเช่นกัน ดังนั้นพระสมเด็จที่หลวงปู่นาคท่านสร้างจึงเป็นพระที่มีสูตรการสร้างเหมือน กับพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นแรกนั่นเอง






๔ . สมเด็จ พระสังวรนุวงศ์เถร(ชุ่ม) วัดราชสิทธาราม(วัดพลับ) เกจิท่านี้เป็นอาจารย์สอนวิปัสสนาให้กับหลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอกนั่นเอง หลวงปู่นาคก็ได้มาเรียนวิปัสสนากรรมฐานที่สำนักนี้จนสำเร็จเช่นกัน

หลังจากที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) ท่านมรณภาพแล้ว หลวงปู่นาคก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม องค์ที่ ๙








⚫️ในสมัยที่หลวงปู่นาค กำลังศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมประโยค ๔-๕ ท่าน ได้ศึกษาทางวิปัสสนากรรมฐานกับท่านอาจารย์ที่วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) และวัดพลับ (เจริญภาส) เพิ่มเติมอีกโดยได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดซึ่งต้องใช้เวลาเพียรพยายามศึกษา เล่าเรียนอยู่ประมาณ ๑๐ ปี ก็สามารถใช้เป็นมูลฐานกระทำชาญวิปัสสนาส่งกระแสจิตได้ ต่อมาได้เปิดสอนทางวิปัสสนากรรมฐานขึ้นในศาลาการเปรียญของวัดระฆังโฆษิตาราม


เกี่ยวกับการสอนวิปัสสนานี้ได้เคยปรากฏว่า ครั้งหนึ่งผู้เข้าศึกษานั่งสมาธิจิตทางวิปัสสนา ได้นั่งทำจิตถอดวิญญาณไปดูนรกสวรรค์ และท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ เป็นเวลา ๒ วัน ก็ยังไม่คืนสติ คงนั่งสมาธิอยู่เช่นนั้น ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการฝึกสอนอยู่ ได้นั่งสมาธิส่งกระแสจิตไปติดตามวิญยาณของผู้นั่งสมาธิรายนี้ และไปพบในสุสานวัดดอน ตรอกจันทร์ ปรากฏว่ากำลังเที่ยวเพลิดเพลินอยู่ ท่านจึงส่งกระแสจิตเตือนวิญญาณนั้นให้กลับคืนเข้าร่างเดิมเพราะล่วงมา ๒-๓ วันแล้ว หากล่าช้าไปจะคืนเข้าร่างเดิมไม่ได้ ร่างกายก็อาจจะเน่าเปื่อยไป วิญญาณของชายผู้นั้นจึงได้สติแล้วกลับคืนมาเข้าร่างเดิมที่นั่งสมาธิอยู่ใน ศาลาการเปรียญวัดระฆังโฆสิตาราม นอกจากนี้ได้เคยปรากฏว่าคุณโยมของท่านป่วยอยู่ทางจังหวัดนครราชสีมา โดยมิได้ส่งข่าวถึงท่าน แต่ท่านสามารถทราบได้และนำหยูกยาไปปฐมพยาบาลได้ถูก เพราะท่านใช้อำนาจกระแสสิตทางวิปัสสนา ดังนี้ การกำหนดจิตอันกระทำให้เกิดพลังจิตขึ้นได้จึงเป็นเหตุให้พระคุณเจ้าได้คิด สร้างพระสมเด็จขึ้น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ โดยอาศัยตำราของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ซึ่งขณะนั้นเป็นระยะเวลาที่ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น ทั้งนี้เพื่อจักได้แจกจ่ายให้ทหารได้ติดตัวไปในสมรภูมิ เป็นกำลังใจและบำรุงขวัญทหารอีกส่วนหนึ่งด้วย


🔶 การสร้างวัตถุมงคลต่างๆของหลวงปู่นาค :

หลวงปู่นาค ท่านจะเน้นถึงความสำคัญเกี่ยวกับผงวิเศษที่นำมาบดผสมในการสร้างทุกครั้ง ใช้ผงถูกต้องตามสูตรที่สมเด็จพุทธจาร์ยโตสร้างเลยครับ โดยเรียนมาจาก พุทธโฆษาจารย์ เจริญ พระยุคแรกประมาณปี ๒๔๘๔ จนถึงปี ๒๔๙๕ โดยได้ผสมผงเก่าสมเด็จโต ผงพระปิลันทร์ ผลอิทธิเจ ซึ่งหลวงปู่ได้ปลุกเสกเองตามตำรับสมเด็จโต พรหมรังสี โดยได้นำผงเก่าทั้งหมดมาปั้นเป็นแท่งและเขียนอักขระยันต์ลงแผ่นกระดาน ๑๐๘ ครั้ง จึงได้ลบผงบนกระดานนำมาสร้างพระสมเด็จและพระเนื้อผงต่างๆ เช่น วัดประสาทในปี ๒๕๐๖ วัดจังหวัดอยุธยา วัดละครทำ วัดชิโนรส และวัดอื่นอีกหลายวัด


🔷การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่นาคซ

.

หลังจากพิมพ์พระเสร็จ หลวงปู่นาคท่านจะให้ลูกศิษย์นำพระเครื่องทั้งหมดไปไว้ในพระอุโบสถ หลังจากทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ ว ท่านจะปิดประตูโบสถ์ อยู่เพียงลำพังท่านเดียว และทำการปลุกเสกพระจนถึงเที่ยงคืน จึงกลับกุฏิจำวัด รุ่งขึ้นจึงนำพระเครื่องทั้งหมดมาไว้ที่วิหารสมเด็จโต ทำการปลุกเสกตอนกลางคืนอีกวาระหนึ่ง จากนั้นก็นำมาทำการปลุกเสกในกุฏิของท่านอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ ปลุกเสกพระ สาเหตุที่ท่านทำเช่นนี้ ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า...หลวงพ่อพระประธานในโบสถ์ ท่านศักดิ์สิทธิ์ เราเป็นเพียงตถาคตมาอาศัยสถานที่ท่านพำนัก จะทำสิ่งใดก็ต้องบอกกล่าวท่าน และให้ท่านช่วยปลุกเสกให้ด้วยจึงจะถูกต้อง ...ส่วนที่นำเข้าวิหารสมเด็จโต เพราะสมเด็จโตนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังฯมาก่อน และ เป็นครูบาอาจารย์ จะทำอะไรก็ต้องบอกกล่าวท่านก่อน แล้วให้ท่านมาร่วมรับรู้และช่วยกันปลุกเสกแผ่พลังจิตพระเครื่องเหล่านี้ด้วย จึงจะสมบูรณ์

















⭕️ฉะนั้นพระสมเด็จนางพญาพิมพ์หูบายศรี ปี ๒๔๘๕ และสมเด็จนางพญาพิมพ์ฐานหมอน ปี ๒๔๙๕ ที่หลวงปู่นาคท่านได้จัดสร้างขึ้น จึงเป็นที่เชื่อว่า เต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธานุภาพ ครบทุกด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ และแคล้วคลาดจากสรรพภัยอันตรายต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม

 
 
 

Comments


bottom of page