top of page

พระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานวัดป่า ที่ขึ้นชื่อลือชา : "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"

  • Writer: สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
    สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
  • Mar 31, 2020
  • 2 min read

บุคคลสำคัญของโลกสาขาสันติภาพ องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลอง เนื่องในวาระครบรอบ ๑๕๐ ปีชาตกาล และได้ประกาศยกย่องให้"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ในวาระ ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ และได้รับการบรรจุให้มีการเฉลิมฉลองครบชาตกาล ๑๕๐ ปีชาตกาล ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งรัฐบาลจะได้ดำเนินการเตรียมกิจกรรมเฉลิมฉลองในมิติศาสนา จัดพิธีประกาศเกียรติคุณฯ และจัดกิจกรรมศาสนพิธีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาส่งเสริมสันติภาพ ร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ๑๕๐ปี


🔶 ได้มีการจัดสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์และเหรียญที่ระลึก เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถวายวัดป่าในสายพระป่าทั่วประเทศ


การจัดสร้างพระกริ่ง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในครั้งนี้ ได้สร้างตามหลัก โบราณทั้งสิ้น แผ่นยันต์จารด้วยลายมือของพระเกจิทั้งครูบาอาจารย์ ได้ลงพลังแห่งจิตที่ตั้งในคุณความดี๑๐๘ แผ่น และลงนะปถมัง 14 นะ พร้อมฤกษ์ผานาที รวมถึงชนวนมวลสารอันสำคัญมากมาย เพื่อหล่อหลอมสรรพวิชา ให้อยู่ในหนึ่งเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการจัดสร้างพระกริ่งในครั้งนี้


พระกริ่ง-พระชัย ภูริทัตโต ๑๕๐ ปี ได้นำพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ภูริทัตโต รุ่นแรก ปี ๒๕๒๐ เป็นต้นแบบพิมพ์ในการจัดสร้าง โดยได้ปรับปรุงพิมพ์ให้งดงามยิ่งขึ้น ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่สมัยปัจจุบัน จึงได้พุทธลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์คงเดิมของพระกริ่ง-พระชัยภูริทัตโต และงดงามด้วยเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าขึ้น


🔷 พิธีเททองนำฤกษ์ :


เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ โดยท่านพระครูสังวรโสภิต(พระอาจารย์สมภพ สุมโน) ประธานคณะสงฆ์มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซ.วัดเพลงวิปัสสนา ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นองค์อธิษฐานจิตเททอง ได้นำ ชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมาย นำมาหล่อหลอมให้เป็นสุดยอดพระกริ่งแห่งปี


ขณะหล่อหลอมชนวนโลหะ อุณหภูมิร้อนแรงกว่า ๑,๖๐๐ °C จนชนวนมวลโลหะต่างหลอมละลายหมด แม้นกระทั่งเหล็กที่จุดหลอมเหลวสูงถึง ๑,๕๓๘ °C ก็ยังหลอมละลาย แต่แผ่นยันต์พระคาถาแคล้วคลาดโมรปริตร ตะกรุดสารพัดดีทั้ง ๓ ดอกของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ได้มาจากบ้านนายแพทย์ที่เคยอุปัฏฐากพระสายวัดป่า ตะกรุด ๙ รัตนมาลา ของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช และตะกรุดเชือกถักหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต่างไม่ยอมหลอมละลายผสมกับชนวนอื่นๆ แม้นจะโหมไฟแรงยังก็ไร ก็ไม่สามารถทำให้รวมตัวกับชนวนอื่น ๆได้ เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ทั้งที่ตะกรุดและแผ่นยันต์เป็นเพียงแผ่นทองแดงบางๆ น่าจะหลอมละลายก่อน อีกทั้งทองแดงมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าเหล็ก เพียง ๑,๐๘๕ °C



สร้างความแปลกใจ แก่นายช่างที่เทหล่อเป็นอย่างยิ่ง นายช่างบอกว่า “เท่าที่เคยหล่อมา ตะกรุดจะหลอมละลายเร็วที่สุด เพราะเป็นแผ่นทองแดงที่รีดบางๆจะหลอมละลายง่ายมาก แต่รอบนี้ช่างบอกว่าตะกรุดที่นำมาผสมละลายช้าและแทบไม่ละลายเลย ชุดนำฤกษ์ชุดนี้จึงปรากฏชิ้นตะกรุดเก่าทุกองค์ อันเป็นอิทธิฤทธิ์ของตะกรุดเก่าสายพระป่าโดยแท้ ปรากฏการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ตั้งเทหล่อนำฤกษ์กันเลยทีเดียว



🔷 ชนวนสำคัญที่ใช้ในการเทหล่อพระกริ่งชุดนี้ อาทิ


-ตะกรุดเชือกถัก หลวงปู่มั่น ภิริทัตโต

-ตะกรุดตะกรุดสารพัดดี พระอาจารย์ฝั้นอาจาโร

-ตะกรุด ๙ รัตนมาลา หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิ

-ตะกรุด หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา

ฯลฯ


-ตะปูสังฆวานรวัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังในปัจจุบัน)

-ตะปูสังฆวานรของพระอุโบสถวัดรังสีสุทธาวาส (พระอุโบสถคณะรังสี วัดบวรฯ)

-ตะปูสังฆวานร พระอุโบสถวัดชนะสงครามราชวรวิหาร


-ชนวนรูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตารุ่นแรก วัดบางคลาน

-ชนวนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

-ชนวนพระกริ่งชินบัญชร ปี ๒๕๑๗ หลวงปู่ทิม

-ชนวนพระกริ่งปวเรศ ๒๕๓๐ วัดบวรฯ

-ชนวนพระกริ่งบวรรังสี ปี ๒๕๒๘ วัดบวรฯ

-ชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี วัดบวรฯ

-ชนวนพระกริ่่งชินบัญชร ญสส ปี ๒๕๕๓ รุ่นตะกรุดไม่ละลาย

-ชนวนพระกริ่งญาณรังสี รุ่นแรก ปี ๒๕๓๑

-ชนวนพระกริ่งพุทธญาณ นเรศวร์ ปี ๒๕๒๘

-ชนวนพระกริ่งหลวงปู่โต๊ะ รุ่นแรก ปี ๒๕๑๕

-ชนวนพระกริ่งสายฟ้า หลวงปู่โต๊ะ ปี ๒๕๒๐

-ชนวนรูปหล่อ หลวงพ่อเขียน ธัมมรักขิโต วัดสำนักขุนเณร ๒๔๙๓

-ชนวนพระชัยวัฒน์พระครูสอน วัดมักกะสัน ปี ๒๔๘๐-๒๔๘๕

-ชนวนชนวนพระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙

-ชนวนรูปหล่อทุบเบ้าโบราณ รุ่นเสาร์ห้าบูชาครู ปี ๒๕๔๓

-ชนวนพระกริ่งบุพพาภิมงคล วัดบุพพาราม ปี ๒๕๑๙

-ชนวนพระกริ่งไทยพุทธคุณรักษา อาจารย์ไสว วัดราชนัดดา ปี ๒๕๑๙

ฯลฯ


-แผ่นยันต์ 108 แผ่น และนะปถมัง 14 นะ

-แผ่นจารพระคาถาแคล้วคลาดโมรปริตร

-แผ่นจารลายพระหัตถ์ สมเด็จฯ แผ่นนี้ทรงประทาน ปี ๒๔๓๓

-ชนวนเหรียญและตะกรุดอีกมากมาย



🔶 พิธีพุทธาภิเษก :

.

ในวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ท่านเจ้าคุณพระเทพมงคลญาณ(หลวงปู่สนธิ์ อนาลโย) วัดพุทธบูชา บางมด ศิษย์เอกพระราชนิโรธรังสี(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เมตตาอธิษฐานจิตเจริญเมตตาภาวนาเดี่ยว เป็นกรณีพิเศษ ณ มณฑลพิธีในอุโบสถวัดพุทธบูชา บางมด



ท่านเจ้าคุณพระเทพมงคลญาณ(หลวงปู่สนธิ์ อนาลโย) ได้ชื่อว่า เป็นพระป่าสายกรรมฐานกลางกรุง เป็นพระปฏิบัติที่มีปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เคารพบูชาของคณะศรัทธาญาติโยม พุทธศาสนิกชน และศิษยานุศิษย์ โดยทั่วกันหลวงพ่อสนธิ์ ชื่อเดิมของท่านคือ สุเต แต่เนื่องจากเป็นคนชอบสังเกต เห็นผู้ใหญ่ทำอะไร ชอบสนใจเดินไปดูอยู่นานๆ ท่านเลยได้รับการเรียกชื่อใหม่ว่า สนธิ์ในวัยเด็ก ท่านสนใจใฝ่ธรรมะมาก อยากจะบวชเณร และปรารภอยากไปอยู่วัด แต่โยมแม่ไม่ยอมให้ไปตอนอายุ ๑๘ ปี ท่านเจ้าคุณสุทธิสาร ได้พาท่านไป จ.สกลนคร พักที่วัดศรีพลเมือง และวัดป่าอุดมสมพร (พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร) ทำให้ท่านรู้สึกชอบมาก และเพิ่มความต้องการอยากบวชมากขึ้น



ด้วยต่อมาเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๔๙๗ ท่านจึงได้บวชที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร โดยมี พระมหาทองสุก สุจิตโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์กว่า สุมโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสนธิ์ ขนตยาคโม เป็นพระอนุศาสนาจารย์เมื่อบวชแล้ว ได้กลับไปที่วัดป่านาภู่ ได้ปฏิบัติเดินจงกรม ภาวนา พิจารณากรรมฐาน ตามที่พระอุปัชฌาย์บอก รู้สึกมีความสุขมากท่านได้พบกับพระคณาจารย์ต่างๆ ในสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลายท่านด้วย และได้ศึกษาคำสอนต่างๆ ด้วยความตั้งใจจริง พร้อมทั้งการปฏิบัติธรรม การวางตัวอยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดตลอดมาหลวงปู่เทสก์ได้พาพระอาจารย์สนธิ์ไปอยู่ภูเก็ต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2499 ได้อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่เทสก์อย่างใกล้ชิด โดยท่านให้พระอาจารย์สนธิ์อยู่กุฏิเดียวกับท่านหลวงพ่อมีความคิดที่อยากจะไปอยู่กรุงเทพฯ เพื่อเรียนบาลี จึงกราบเรียนหลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย เพื่อขออนุญาต ก็ได้รับความเห็นชอบด้วย ท่านจึงเดินทางไปเรียนต่อนักธรรมเอก และเรียนเปรียญด้วย เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ โดย พระอาจารย์วัน อุตตโม เป็นผู้ฝากให้มาอยู่ที่ วัดพุทธบูชา บางมด ธนบุรี เพราะเป็นสาขาของวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา ๘ ปี ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบรมนิวาส เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปเรียนหนังสือเมื่อเรียนจบ ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่การงานต่างๆ ให้ทำ เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ศรัทธาญาติโยม พร้อมกับได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ตามลำดับขั้นตอน จนได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบูชาในทุกวันนี้








 
 
 

Comments


bottom of page