พระจิ๋ว เล็กดี-รสโต ตามsloganโฆษณาดังของลูกอมคอริฟินซีในอดีต
- สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
- Apr 21, 2020
- 1 min read

พระกรุเม็ดน้อยหน่า,พระกรุเม็ดข้าวเม่า,พระกรุเขี้ยวงู ล้วนแล้วแต่เป็น”พระจิ๋วแต่แจ๋ว”พุทธคุณสูงด้านคงกระพันแคล้วคลาด โดยเฉพาะพระกรุเม็ดน้อยหน่าที่ขุดพบหลายกรุเช่น กรุท่าฉนวน ,กรุมะละกอ จ.พิจิตร กรุทางจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสุโขทัย และกรุทางอยุธยา
พระกรุเม็ดน้อยหน่า สันนิษฐานว่าสร้างสมัยอยุธยาตอนกลาง (พ.ศ. ๑๙๙๑ – ๒๒๓๑)
สมัยอยุธยายุคกลาง เริ่มตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. ๑๙๙๑ รัชกาลที่ ๘ สิ้นสุดในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. ๒๑๙๙ อาณาจักรอยุธยายุคกลางสิ้นสุดในปี พ.ศ. ๒๒๓๑ สิ้นสุดรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททองรัชกาลที่ ๒๔ แห่งอาณาจักรอยุธยา (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๗๒ – ๒๑๙๙) เป็นช่วงที่ไทยกับพม่าไม่ได้ทำสงครามกันเลย เนื่องด้วยพม่าในยามนั้นอ่อนแอลง ส่วนกองทัพกรุงศรีอยุธยาในสมัยพระเจ้าปราสาททองเข้มแข็ง ขนาดเอาน้ำแกงราดหัวราชทูตพม่าที่เข้ามา กษัตริย์พม่ายังไม่กล้าหือ จนถึงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไทยกับพม่าจึงเกิดรบกันขึ้นอีก
เหตุที่รบกันนั้น ก็ด้วยจีนยกกองทัพลงมาตีเมืองอังวะ สมัยนั้นพม่าตั้งเมืองหงสาวดีเป็นราชธานี เมืองเชียงใหม่ได้ข่าวว่าจีนจะลงมาตีเมืองเชียงใหม่ด้วย จึงแต่งทูตมามาขอสามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยา ขอกองทัพไทยขึ้นไปช่วยป้องกันเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นสมเด็จพระนารายณ์เสวยราชย์ได้ ๔ ปี จึงโปรดให้จัดกองทัพพระยารามเดโชคุมพล ๑,๐๐๐ พระยาท้ายน้ำคุมพล ๔,๐๐๐ ยกล่วงหน้าขึ้นไปกับทูตเชียงใหม่ เดือนต่อมาจึงทรงยกกองทัพหลวงขึ้นไปตั้งที่เมืองพิษณุโลก และจัดกองทัพเพิ่มขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่อิก ๕ กอง
.
เมื่อกองทัพไทยยกขึ้นไปเกือบถึงเชียงใหม่ กองทัพจีนที่มาตีเมืองอังวะก็เลิกถอยกลับไป เจ้าเมืองเชียงใหม่เลยกลับใจ แอบให้คนมาบอกทูตที่นำทัพไทยมาให้หลบหนีไปเสีย สมเด็จพระนารายณ์ทรงพิโรธ ดำรัสสั่งให้กองทัพไทยทั้งปวงนั้นยกขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าหงสาวดีจึงให้กองทัพพม่าเข้ามาช่วยเมืองเชียงใหม่ แต่มาถึงเมื่อไทยได้เมืองเชียงใหม่ไปแล้ว และถูกกองทัพไทยตีแตกไป
สงครามไทยกับพม่าครั้งที่ ๒ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ต่อเนื่องกับครั้งที่กล่าวมา เมื่อจีนยกกองทัพมาตีเมืองอังวะ พระเจ้าหงสาวดีให้มังนันทมิต ซึ่งเป็นพระเจ้าอา มาครองเมืองเมาะตะมะ ให้เกณฑ์กองทัพมอญขึ้นไปช่วยอังวะ พวกมอญเป็นขบถจับมังนันทมิตแล้วอพยพครอบครัวมอญหมื่นเศษเข้ามาสามิภักดิ์ สมเด็จพระนารายณ์มีรับสั่งให้ส่งกองทัพออกไปรับครอบครัวมอญเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่สามโคกบ้าง ที่คลองคูจาม และที่ข้างวัดตองปุ เมืองบางกอกบ้าง พระเจ้าหงสาวดีได้จัดกองทัพ ๓๐,๐๐๐ ยกเข้ามาติดตามครัวมอญ และมีหนังสือเข้ามาเมืองกาญจนบุรี บอกให้ส่งครัวมอญไปให้โดยดี ถ้าไม่ส่งจะยกเข้ามาชิงไปให้จงได้ สมเด็จพระนารายณ์จึงส่งเจ้าพระยาโกษาเหล็กนำพล ๕๐,๐๐๐ ออกไปรับมือ และแจ้งกองทัพทางเชียงใหม่ให้ยกลงมากระหนาบพม่าด้วย กองทัพพม่ายกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ประทะทัพเจ้าพระยาโกษาเหล็กที่ท่าดินแดง แขวงเมืองไทรโยก พอกองทัพไทยฝ่ายเหนือยกลงมาถึงเข้าตีโอบ ทัพพม่าก็แตกพ่ายยับเยินกลับไป
พระเม็ดน้อยหน่า กรุวัดศาลาปูน จ.อยุธยา พระจิ๋ว เป็นเนื้อดินเผาผสมใบลาน พระจิ๋วอายุ ราว ๓๓๐ ปี ถึง ๔๕๐ปี
วัดศาลาปูน เดิมเป็นวัดราษฎร์และวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเมื่อใด ใครสร้างสันนิษฐานว่าสร้างยุคกลางสมัยกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ. ๒๐๘๑ ถึง ปี พ.ศ.๒๒๓๑ จากลักษณะการสร้างพระเจดีย์อยู่หลังพระวิหาร เป็นลักษณะวัดที่สร้างในยุคกลางสมัยกรุงศรีอยุธยา(ยุคต้นจะสร้างเจดีย์ไว้หน้าวิหาร)
สงครามไทยกับพม่าตั้งแต่ครั้งแรกในสมัยพระไชยราชาในปี พ.ศ.๒๐๘๑ และมามีสงครามใหญ่อีกครั้งในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปี พ.ศ.๒๑๙๙ ถึง พ.ศ.๒๒๓๑ การสงครามยุคโบราณมักสร้างพระแจกทหารเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการสงคราม การสร้างพระขนาดเล็กเพราะสะดวกกับการพกพา โดยส่วนใหญ่ใช้อมไว้ใต้ลิ้นขณะออกศึก พระที่เหลือจึงมักบรรจุกรุไว้
พระเม็ดน้อยหน่า กรุวัดศาลาปูน อายุราว ๓๓๐ ปี ถึง ๔๕๐ปี ในยุคศึกสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยายุคกลาง เป็นพระเนื้อดินเผาผสมใบลาน ที่เชื่อกันว่าพุทธคุณที่ครบเครื่องทุกอย่าง ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน กันเขี้ยวงา และเมตตามหานิยม สมัยก่อนผู้ใหญ่ให้เด็กแขวนพระเม็ดน้อยหน่านี้เพื่อกันสุนัขกัด ขนาดเล็กเพียง ๐.๙ ซม. X ๑.๕ ซม.เท่านั้น พระจิ๋วเล็กจะมีพุทธคุณน้อยกว่าพระเครื่องขนาดมาตรฐานทั่วไป
Комментарии