พระกริ่งปวเรศ มีเนื้อทองคำหรือไม่ ? แล้วเราบูชา“พระกริ่ง”เพื่ออะไร?
- สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
- Apr 15, 2020
- 1 min read
“ขนาดในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงห้อยพระศอด้วยพระกริ่งปวเรศ หรืออยู่ในครอบน้ำพระพุทธมนต์ก็ยังเป็นเนื้อนวโลหะ ไม่ใช่มีเนื้อทองคำเลย”
.
วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ - ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าคุณ ศรีสุวรรณ (ที่มาไทยโพสต์วันที่ ๑ พฤศจิกาย พ.ศ.๒๕๖๒)

“พระกริ่งปวเรศ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้น ไม่มีเนื้อทองคำ มีอยู่เนื้อเดียว คือเนื้อนวโลหะผิวกลับดำ เมื่อขัดเนื้อในจะเป็นสีจำปาเทศ และเมื่อทิ้งไว้ถูกกับอากาศจะกลับดำอีกครั้งหนึ่งในเวลาไม่นาน และเท่าที่ผมทราบ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ยังไม่มี พระกริ่งปวเรศ ทองคำ มีแต่เนื้อนวโลหะ แม้แต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร9 ทรงมี พระกริ่งปวเรศ ห้อยพระศอ หรืออยู่ในครอบน้ำพระพุทธมนต์ก็ยังเป็นเนื้อนวโลหะ ไม่ใช่เนื้อทองคำ เลยครับ
.
ส่วน พระกริ่งปวเรศ ทองคำ ผมว่าไม่ใช่พระกริ่งปวเรศ ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้น (ของแท้) แน่นอน อาจจะเป็นพระกริ่ง (ทองคำ) เป็นรุ่นที่ พระเกจิอาจารย์ หรือ พวกนักสร้างพระ สร้างเลียนแบบขึ้นมา และราคา น่าจะเป็นแค่หลักหมื่น หลักแสน (ตามน้ำหนักทอง) เค้าเรียกว่าโดนแหกตากันเป็นต่อๆไป. “
ท่านใหม่ชี้ไปแล้วเรื่องพระกริ่งปวเรศทองคำ....... แต่ว่าเราบูชา “พระกริ่ง” เพื่ออะไร?
.
โดยทั่วๆ ไปมักเข้าใจอยู่ว่าการบูชาพระกริ่งนั้นส่วนใหญ่ที่นิยมคือ นำไปบูชาเพื่อให้เกิดคุณด้านความเจริญรุ่งเรือง เกิดผลในทางคุ้มครองรักษา และมีประวัติว่าได้เคยมีการอาราธนาคุณพระกริ่งทำน้ำมนต์ เพื่อปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยร้ายแรงในสมัยก่อนกาลนานมาแล้ว
.
แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ถึงคุณอันวิเศษของ “พระกริ่ง” ที่มีมากไปกว่านั้น นั่นคือจาก มหาปณิธาน 12 ประการ ของ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต และจากบันทึกของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ปราชญ์ในทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงพระกริ่งไว้ว่า “พระกริ่ง” คือ พระไภษัชยคุรุพระพุทธเจ้า พระองค์เป็นที่นับถือของปวงพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายาน มีพระประวัติในพระสูตรสันสกฤตสูตรหนึ่ง คือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา ราชามูลประณิธานสูตร และ มหาปณิธาน 12 ประการ อันเป็นคุณอันวิเศษที่ผู้ใดก็ตาม ได้ครอบครองหรือบูชา “พระกริ่ง” ด้วยความเลื่อมใส หรือเอ่ยพระนาม รำลึกถึงพระองค์ จะได้รับอานิสงส์แห่งการบูชามีดังต่อไปนี้
๑ . ขอให้สรรพสัตว์จงมีวรกายดุจเดียวกับพระองค์
๒ . ขอให้วรกายของพระองค์มีสีสันดุจไพฑูรย์ มีรัศมีรุ่งโรจน์โชตนาการยิ่งกว่าแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ เพื่อส่องทางให้สัตว์ที่หลงในอบายคติพ้นไปสู่คติที่ชอบ
๓ . ขอให้สรรพสัตว์ได้รับโภคสมบัตินานาประการ อย่าได้มีความยากจนใดๆ
๔ . หากสรรพสัตว์ใดมีมิจฉาทิฐิ ขอให้พระองค์ทำให้เขาตั้งมั่นในสัมมาทิฐิในโพธิมรรค
๕ . หากสรรพสัตว์ใดประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยแห่งพระองค์ขอให้อย่าได้มีศีลวิบัติ หากมีศีลวิบัติ เมื่อได้สดับพระนามแห่งพระองค์จงบริสุทธิ์บริบูรณ์
๖ . หากสรรพสัตว์ใดมีรูปกายไม่งาม ผิวไม่ผ่องใส โง่เขลาเบาปัญญา ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ หลังค่อม สารพัดพยาธิทุกข์ต่างๆ เมื่อได้สดับพระนามแห่งพระองค์ขอให้หายและหลุดพ้นจากปวงทุกข์เหล่านั้น มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ผิวกายผ่องใส . ๗ . ขอให้สรรพความเจ็บป่วยทั้งหลายจงหมดไป และขอให้สรรพสัตว์เป็นผู้มีกายใจอันผาสุก มีบ้านเรือนอาศัย พรั่งพร้อมด้วยธนสารสมบัติ จนที่สุดสำเร็จแก่พระโพธิญาณ
๘ . หากอิสตรีใดเบื่อหน่ายในเพศแห่งตน เมื่อสดับพระนามแห่งพระองค์ จักสามารถเปลี่ยนเพศจากหญิงเป็นชาย จนที่สุดสำเร็จแก่พระโพธิญาณ
๙ . ขอให้สัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากข่ายแห่งมาร และตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิได้
๑๐. หากสรรพสัตว์ใดต้องพระราชอาญา ต้องคุมขัง หรือต้องอาญาถึงประหารชีวิต ตลอดจนได้รับการดูหมิ่นดูแคลน หากเอ่ยพระนามแห่งพระองค์และอาศัยบารมีและคุณาภินิหาริย์ของพระองค์ ขอสัตว์เหล่านั้นจงหลุดพ้นจากปวงทุกข์
๑๑. ขอให้สัตว์ทั้งหลายบริบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค มีความอิ่มหนำสำราญ
๑๒. ขอให้สัตว์ทั้งหลายบริบูรณ์ด้วยสรรพอาภรณ์ เครื่องประดับ ธนสารสมบัติและเครื่องบำรุงความสุขต่างๆ . ด้วยมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการนี้ เพียงเอ่ยหรือได้ยินพระนาม
“พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต” หรือ “พระกริ่ง” ยิ่งได้ศรัทธา เลื่อมใส มีไว้ครอบครองบูชา จะยิ่งทำให้มีความสุข ความเจริญ รุ่งเรือง นับเป็นคุณอันวิเศษยิ่งนัก เหล่านี้คือ “บารมีแห่งพระกริ่ง”
Comments