top of page

...O พ ร ะ ช ย พุ ท ธ ะ ผู้ ท ร ง เ ป็ น ที่ พึ่ ง อั น ยิ่ ง ใ ห ญ่ O...

  • Writer: สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
    สมเกียรติ์ ศรีพธูราษฎร์
  • Apr 17, 2020
  • 1 min read


ไขคำตอบ”พระไชย (พระชัย)” ว่ามาจากไหน …! ทำไมมักสร้างคู่พระกริ่ง ?.

เดิมเรียกพระไชย (พระชัย)”.....ได้มาเป็น"พระชัยวัฒน์” .....ตั้งแต่เมื่อไร...?


⭕️ พระพุทธรูปองค์สำคัญที่พระมหากษัตริย์ทรงโปรดให้สร้างขึ้น แต่เดิมนั้นเรียกว่า พระไชย หรือพระชัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการเติมคำว่า วัฒน์ เป็นพระชัยวัฒน์ ส.พลายน้อย ผู้เขียน “ตำนานพระชัยวัฒน์” เขียนไว้ว่า ต้นเหตุเดิมที่สร้างพระพุทธรูปที่มีนามว่าพระชัยขึ้นนั้นไม่สามารถตรวจสอบกันได้ แต่เป็นที่รับรู้กันว่า ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้ทรงสร้าง “พระชยพุทธมหานาถ” ๒๓ องค์เพื่อพระราชทานไปยังเมืองต่างๆ เช่น เมืองลโวทยปุระ (ละโว้) สุวรรณปุระ (สุพรรณบุรี) ชยราชปุรี (ราชบุรี) ศรีชยสิงหบุรี (เมืองสิงห์) ฯลฯ ดังที่ปรากฏในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตที่ปราสาทพระขรรค์ว่า “ในวิหารแต่ละแห่งท้ง ๒๓ วิหารเหล่านี้ พระราชาทรงสร้างพระชยพุทธมหานาถที่ทำให้เกิดความสุขขึ้น”

แต่ไม่กล้าลงความเห็นว่า พระชยพุทธมหานาถ จะเกี่ยวข้องกับพระชัยของไทยหรือไม่ น่าสังเกตว่า พระชยพุทธมหานาถ นั้นเป็นคำเรียกพระพุทธรูปที่มีพยางค์พ้องกับชื่อกษัตริย์ชัยวรมันที่ ๗ ตรงที่มีคำว่า ชย เมื่ออ่านชื่อทั้งหมดและแปลความหมายออกมา ในแง่หนึ่งเราอาจแปลได้ว่า พระชยพุทธะผู้ทรงเป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ (มหานาถ) คำว่า ชยพุทธ อาจแปลว่าพระพุทธเจ้าผู้ทรงมีชัย หรือพระพุทธเจ้าพระนามว่า ชย ก็ได้ ข้อนี้กระมัง ที่ทำให้นักศึกษาประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่า พระมหากษัตริย์คือพระชัยวรมัน ต้องการแสดงพระองค์ให้มีสถานะเทียบเท่ากับพระพุทธเจ้า ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นแบบอย่างที่ปฏิบัติกันต่อมาในสยามนับแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมาจนถึงสมัยปัจจุบัน




🔴พระชัยเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะพิเศษกว่าพระพุทธรูปธรรมดาทั่วไปตรงที่พระหัตถ์ซ้ายจะทำให้อยู่ในลักษณะถือด้ามพัด (ตาลปัตร) และเป็นแบบนั่งขัดสมาธิเพชร เท่าที่พบเรื่องราวประมาณว่าจะเกิดมีขึ้นมาในสมัยอยุธยาเป็นอย่างต่ำ แต่จะเป็นพระพุทธรูปขนาดใดบ้างเป็นเรื่องไม่แน่ชัด เท่าที่พบหลักฐาน เข้าใจว่าจะเป็นพระพุทธรูปขนาดย่อม พอที่จะเคลื่อนย้ายไปในพิธีต่างๆ ได้สะดวก เช่นในพิธีถือน้ำพระพิพัฒสัตยา พระราชพิธีโสกันต์ พระราชพิธีเฉลิมพระชนพรรษา และในการเสด็จสงคราม และประพาศหัวเมือง สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีพระมติว่า ที่เรียกว่าพระชัยนั้นน่าจะมาจากพระมารวิชัยนั่นเอง เพียงแต่ทำพระหัตถ์ซ้ายเป็นอาการทรงสมาธิให้ตะแคงเป็นถือตาลปัตร ตาลปัตรนั้นก็เป็นยศด้วยถ้าเป็นพระหลวงแล้วถือพัดแฉก ทรงสันนิษฐานว่าที่พระชยถือตาลปัตรนั้นก็เพื่อบังอาวุธ อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงรับว่าข้อนี้เป็นเพียงการสันนิษฐานส่วนพระองค์ เกี่ยวกับชื่อพระนี้ สรุปว่า พระชัย นี้หมายถึง พระชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะจุดมุ่งหมายเดิมเพื่อประโยชน์ในการเชิญไปในกองทัพ และที่สร้างรูปพระปางมารวิชัยนั้นก็มีความหมายว่าปราบมารได้ชัยชนะนั่นเอง แต่เมื่อนำไปใช้ในสงคราม คำว่า พระชัย ในที่นี้มุ่งหมายถึง ชัยชนะในสงคราม มิใช่ชนะมารอันเป็นความหมายเดิมของพระพุทธรูปางนั้นเท่านั้น



🔵จากหนังสือ “ตำนานพระชัยวัฒน์และพระแก้วประจำรัชกาล” ของส.พลายน้อย เราได้เห็นจารีตอันต่อเนื่องกันมาของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์คือ ทรงโปรดให้สร้างพระชัยขึ้นเพื่อใช้ในกิจการต่างๆ และใช้เป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ก็จะทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับแบบที่จะทรงสร้างในลักษณะแตกต่างกันไปบางเล็กน้อยโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับขนาดของพระพุทธรูป จำนวน และยันต์ที่จารึกไว้บนฐานของพระที่ทรงโปรดให้หล่อขึ้น เช่น พระชัยในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีขนาดเล็กลงกว่าพระชัยในสมัยรัชกาลที่ ๓ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกะขนาดเอาหน้าตัก ๕ นิ้ว เพราะวันประสูติเป็นวันพฤหัสบดี คือวันที่ ๕ ในปี พ.ศ.๒๔๓๖ สมัยรัชกาลที่ ๕ มีการหล่อพระไชยเนาวโลหะองค์ใหญ่ ๑ องค์ องค์เล็ก ๑ องค์ พระชัยวัฒน์องค์เล็ก ๒๕ องค์และพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ๑ องค์ พิธีหล่อพระพุทธรูปที่ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการนี้เป็นพิธีที่พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ทรงนิยมสืบทอดต่อกันมา ยกเว้นสมัยรัชกาลที่ ๘ ซึ่งทรงขึ้นครองราชย์ในระยะเวลาอันสั้น ส่วนในสมัยรัชกาลที่ ๙ นั้น ทรงมีพระราชดำริให้หล่อพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้นหลายครั้ง พระพุทธรูปองค์สำคัญ เช่น พระพุทธนวราชบพิตรที่ทรงพระดำริให้สร้างขึ้นประดิษฐานในจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๙ พระพุทธรูป ภ.ป.ร. สำหรับเป็นที่ระลึกกฐินต้น วัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี อันเป็นวัดที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เคยประทับขณะเป็นสามเณร




⚫️กล่าวสรุปคือ พระชัยวัฒน์น่าจะถือกำเนินในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ สืบเนื่องจาก “พระชยพุทธมหานาถ” อันมีความหมายว่า พระชยพุทธะผู้ทรงเป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ ซึ่งชยพุทธแปลว่าพระพุทธเจ้าผู้ทรงมีชัย หรือพระพุทธเจ้าพระนามว่า ชย การสร้างพระชัยวัฒน์จึงสืบต่อมายังกรุงศรีอยุธยาจนรัตนโกสินทร์ ต่อมาสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีพระมติว่า ที่เรียกว่าพระชัยชัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการเติมคำว่า วัฒน์ เป็นพระชัยวัฒน์ สรุปว่า พระชัย นี้หมายถึง พระชัยชนะ แน่นอน เพราะจุดมุ่งหมายเดิมเพื่อประโยชน์ในการเชิญไปในกองทัพ และที่สร้างรูปพระปางมารวิชัยนั้นก็มีความหมายว่าปราบมารได้ชัยชนะนั่นเอง แต่เมื่อนำไปใช้ในสงคราม คำว่า พระชัย ในที่นี้มุ่งหมายถึง ชัยชนะในสงคราม มิใช่ชนะมารอันเป็นความหมายเดิมของพระพุทธรูปางนั้นเท่านั้น

.

🔴ข้อสันนิษฐานพระชัยวัฒน์มักสร้างคู่กับพระกริ่ง

.

แต่เดิมประกริ่งในยุคเก่ามักมีขนาดใหญ่ทำให้พกพาไม่สะดวก หรือไม่เหมาะกับผู้หญิงหรือเด็กในการห้อย เลยมีการย่อยขนาดลงประมาณครึ่งหนึ่งของพระกริ่ง ซึ่งถือตามประเพณีของพระชัยวัฒน์เดิมที่มีขนาดใหญ่และย่อส่วนลงมาเพื่อเคลื่อนย้ายไปในการประกอบพิธีต่างๆ เพื่อสะดวก การสร้างพระกริ่งเลยนิยมสร้างพระชัยวัฒน์ที่ย่อส่วนจากพระกริ่งคู่กัน

 
 
 

Comments


bottom of page