....... เ ปิ ด เ นื้ อ ส่ อ ง ม ว ล ส า ร พิ ม พ์ จั ม โ บ้ เ นื้ อ เ ก ส ร ..........
พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ “พิมพ์จัมโบ้ เนื้อเกสร แช่น้ำมนต์ ตะกรุดเงิน จารอักขระ ๒ ดอก 
.
Oพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ “พิมพ์จัมโบ้เนื้อเกสร” วัดถ้ำสิงโตทอง ปี ๒๕๓๕O
..พ ร ะ ปิ ด ต า ห นึ่ ง เ ดี ย ว ที่ ใ น ห ล ว ง ท ร ง ร่ ว ม ป ร ะ ก อ บ พิ ธี ...
.
O . สุดยอดแห่งโชคลาภ กิจการค้าขาย
O . มหาอำนาจ เมตตา มหานิยม
O . เข้มขลัง พลังศักดิ์สิทธิ์ ด้วยบุญฤทธิ์บารมี
.
เปิดเนื้อในจะเห็นมวลสารเกสรดอกไม่ สีน้ำตาลเข้มออกดำและน้ำตาลแดงแซมอยุ่ทั้วทั้งองค์
.
”พระปิดตา หลวงปู่โต๊ะ วัดถ้ำสิงโตทอง ปี ๒๕๓๕ “ พระปิดตาหนึ่งเดียวที่ในหลวงเสด็จฯร่วมประกอบพิธี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน”วัดถ้ำสิงโตทอง” ทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคล”หลวงปู่โต๊ะ วัดถ้ำสิงโตทอง เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
.
สมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธานอธิฐานจิต ร่วมกับพระเถระคณาจารย์ ๑๐๘ รูป อาทิเช่น หลวงพ่อยิด, หลวงพ่อมี, หลวงพ่อแพ, หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ฯลฯ
.
..............................” พิ ม พ์ จั ม โ บ้ เ นื้ อ เ ก ส ร ”............................
..........................................พุ ท ธ ลั ก ษ ณ์..........................................
.
ลักษณะพิมพ์แบบจัมโบ้ ๒
ด้านหน้า :
.
นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ปิดพระเนตรทั้งสอง สังฆาฏิพาดผ่านพระกร มีลายกนกได้ข้าง ทั้งสองข้าง
.
ด้านหลัง :
.
ยันต์สุกิตติมา
"สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปากะโต ยัสสะสิมา วะเจธะโร เกสะโรวา อะสัมภิโต"
.
ยันต์สุกิตติมานี้ ถือเป็นสุดยอดของยันต์วิเศษชนิดหนึ่ง ที่ผู้ทำต้องมีพลังสมาธิขั้นสูงจึงจะทำสำเร็จได้
.
เป็นยันต์มหาละลวย ส่งผลให้มีพุทธคุณด้านหนุนดวง พลิกฟื้นดวงชะตาให้กลับร้ายกลายเป็นดี และขับไล่เสนียดจัญไรต่าง ๆ
.
หัวใจสำคัญของการเดินคาถายันต์สุกิตติมา จะต้องตีตารางเป็นแล้วลงอักขระขอม คำว่า "สุ" อยู่ตรงกลาง แล้วเดินแนวบนเป็น "กิตติมา" เดินแนวล่างเป็น "สีละวา" เดินแนวขวาเป็น "ภาจาโร" เดินแนวซ้ายเป็น "ปากะโต" ด้านในทั้ง ๔ ด้าน จะมีลงองค์พระกำกับอยู่ ๔ พระองค์ แถวตารางด้านนอก จะมีการลงอักขระแถวละตัว มีคำว่า "ยัสสะสิ" "วะเจธะ" "เกสะโร" "อะสัมภิ" เป็นการเดินสูตรยันต์ของหลวงปู่โต๊ะ ซึ่งเวลาปลุกเสกต้องเดินพระคาถานี้กำกับหน้าหลัง
.
....................................เ นื้ อ ห า ม ว ล ส า ร....................................
.
ผงพุทธคุณหลวงปู่โต๊ะ ผสมผงเกสร 
ผงพุทธคุณหลวงปู่โต๊ะ :
หลวงปู่โต๊ะท่านได้เล่าเรียนทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระด้วยความวิริยะ อุตสาหะจนสอบนักธรรมตรีได้ในปี พ.ศ.2455 นอกจากนั้น ท่านได้เล่าเรียนฝึกกัมมัฏฐานกับพระอาจารย์พรหม ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลี และท่านยังได้ออกธุดงค์จาริกไปในที่ต่างๆได้พบกับพระอาจารย์ต่างๆ มากมาย เช่น ได้ศึกษากับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ เป็นต้น
หลวงปู่โต๊ะท่านได้เขียนและลบตามสูตรโบราณ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงอิทธิเจ นอกจากนี้ ท่านยังได้พระวัดพลับที่ชำรุด โดยได้รับมอบจากท่านเจ้าคุณสังฆวรานุวงศ์เถระ ชุ่ม เจ้าอาวาสวัดพลับในสมัยนั้น ผงพุทธคุณจากหลวงพ่อคล้าย วัดหงส์ ฯลฯ นำมาเป็นส่วนผสม ผงพุทธคุณ
.
ผงเกสร:
.
ผงเกสรดอกไม้ 108 ชนิด อาทิ เกสรบัวขาบ เกสรบัวขาว เกสรบัวเขียว เกสรบัวเหลือง พุทธรักษาทั้งห้า ยอดรัก ยอดสวาท ยอดกาหลง ดอกบัวแห้ง ดอกมะลิ, ดอกบัว, พิกุล จำปี จำปา  ดอกไม้ที่ใช้ในงานเทศกาลใหญ่ๆ เช่น งานเทศน์มหาชาติ ดอกไม้ที่ผ่านการบูชาพระรัตนตรัยแล้ว ดอกไม้อีก 9 ชนิดอันเป็นมงคลตามคติความเชื่อมาแต่โบราณคืน
.
แช่น้ำมนต์สูตรหลวงปู่โต๊ะ
.
วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะ
.
ด้วยความประสงค์ที่จะให้พระเครื่องของท่านมีความขลัง และดูน่าบูชา ท่านจะเอาพระเครื่องเหล่านี้ไปแช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ซึ่งตั้งอยู่ในโบสถ์ และปลุกเสกตลอดพรรษา
.
วิธีการแช่พระเครื่องในตุ่มน้ำมนต์ของหลวงปู่โต๊ะนั้น ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ตุ่มมังกรที่ใช้ใส่น้ำมนต์นั้น มีอยู่ด้วยกันหลายใบมีขนาดแตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง บางตุ่มก็จะมีดิน มีทรายปะปนอยู่ด้วย และในระหว่างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเอาพวงมาลัยดอกไม้สดมาถวายแด่หลวงปู่ ท่านก็จะเอาพวงมาวัยนั้น ใส่ลงไปในตุ่มมังกรน้ำมนต์นั้นด้วย เป็นการหมักเอาดอกไม้สดปนอยู่ในน้ำมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สีสันขององค์พระแตกต่างกันออกไป
หลวงปู่จะตั้งจิตอธิษฐาน ปลุกเสกภาวนา พระเครื่องที่แช่น้ำมนต์ในตุ่มมังกร ไปเรื่อยๆ ตลอดพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่ก็จะเอาพระเครื่องที่แช่ในน้ำมนต์จนได้ที่แล้วนั้น ออกมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่ไปหาท่านในตอนนั้น ถ้าหากพระเครื่องแช่ไว้นานกว่านั้น พระจะติดกันเป็นก้อน
คราบต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนองค์พระจึงไม่เหมือนกัน บางตุ่มที่ใส่น้ำมนต์ใหม่ๆ น้ำยังใสอยู่ องค์พระที่แช่ไว้ คราบจะออกขาวเล็กน้อย ถ้าหากเป็นตุ่มเก่า ที่แช่น้ำมนต์มาก่อนนานเป็นพรรษา คราบน้ำมนต์ก็จะตกตะกอนมีคราบจับเกาะเป็นปื้น มีสีน้ำตาลหรือสีสนิมชัดขึ้น เรื่องของคราบน้ำมนต์ที่เกาะบนองค์พระ จึงมีความแตกต่างกันไป