พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี อุดผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม
พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี อุดผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม แม้นเนื้อหาของพระกริ่งรุ่นนี้จะเหมือนกับพระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี รุ่นอื่นๆทุกประการออกจากเบ้าหลอมเดียวกัน แต่มีสิ่งที่แตกต่างกัน คือพระกริ่ง ๑๐๐ ปีรุ่นนี้ได้อุดด้วยผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม ที่ได้จากนายสาย แก้วสว่าง อดีตไวยาวัจกรวัดละหารไร่ ”ผงพรายกุมารมหาภูติ” ของ”หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่”มีความศักดิ์สิทธิ์มากเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือคุ้มครองปกกันภัยการปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหา ภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือ
.
นอกจากอุดด้วยผงพรายกุมารแล้วยังได้ฝังพลอยเสกหลวงปู่ทิมไว้ด้วย พลอยเสกนี้ หลวงปู่ทิมท่านได้อธิษฐานไว้ ดีในทางด้านโภคทรัพย์ อีกทั้งหลวงปู่ทิมยังเคยกล่าวไว้ว่า พลอยนี้เขาเรียกว่า กินบ่เซี้ยง แปลว่า กินไม่หมด มีเหลือกินเหลือใช้เหลือเก็บเสมอ ๆ ความหมายของกินบ่เซี่ยงนั้น ทางคนไทยภาคเหนือและพม่าเชื่อว่า หากมีในครอบครองจะทำให้โชคดี มีกินมีใช้ตลอด ร่ำรวยตลอดชีวิต ซึ่งคำว่า กินบ่เซี่ยง นั้นคือ กินไม่หมด ดังนั้น ความนิยมของ พลอยกินบ่เซี่ยง
 
นอกจากนี้พระกริ่งชินบัญชร ๑๐๐ ปี อุดผงพรายกุมาร ยังได้ฝังตะกรุดสาลิกาจารอักขระอีก ๑ ดอก ตะกรุดสาลิกาใช้ลงแผ่นทองแดง จารอักขระตัว "นะ" ลงไป แล้วจึงม้วนเข้าปลุกเสกจะเน้นไปทาง เมตตามหานิยม เรื่องค้าขาย การติดต่อเจรจา
 
พระกริ่งรุ่นนี้ มีจำนวนที่ สร้างเพียง ๕๙๙ องค์